วิธีปลูกมะเขือ 7 ชนิด ไว้กินเองที่บ้าน โตเร็ว ทำง่าย ไม่ยาก ครบทั้งมะเขือเปราะ มะเขือยาว มะเขือพวง มะเขือม่วง มะเขือขื่น มะเขือไข่เต่า และมะเขือเทศเลย

 

หากพูดถึงผักสวนครัวที่เรากินบ่อย ๆ มะเขือต้องเป็นหนึ่งในนั้นแน่ ๆ เพราะมีให้เลือกหลากหลายสายพันธุ์ แถมจะนำมาลวกแล้วกินสด ๆ ก็ได้ จะจิ้มกับน้ำพริกก็ดี จะต้ม ผัด แกงก็เด่น กรอบอร่อยถูกปากคนไทยไปหมด จนทำให้หลายคนติดใจอยาก ปลูกผักสวนครัวชนิดนี้ไว้ที่บ้าน วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยรวบรวมวิธีปลูกมะเขือยอดนิยมต่าง ๆ มาฝากกัน จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง รีบตามมาดูกันได้เลยค่ะ

1. มะเขือเปราะ

มะเขือเปราะ

มะเขือเปราะ (Thai Eggplant, Green Brinjal หรือ Kantakari) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Solanum Aculeatissinum Jacq. เป็นพืชล้มลุก ทรงพุ่ม ขนาดเล็ก ลำต้นตั้งตรง ผิวเรียบ ไม่มียาง ใบทรงหัวลูกศร ปลายใบแหลม โคนใบมน ดอกออกตามซอกใบ รูปกงล้อ ไม่มีกลิ่น มีทั้งสีขาวและสีม่วง ส่วนผลเป็นทรงกลม เรียบ เนื้อแน่นกรอบฉ่ำน้ำ ส่วนใหญ่เป็นสีเขียว แต่ก็อาจจะเป็นสีขาว สีเหลือง หรือสีม่วงได้ตามสายพันธุ์ เนื้อด้านในเป็นเมือก และมีเมล็ดเยอะมาก

วิธีปลูกมะเขือเปราะ : เริ่มจากเตรียมแปลงปลูกและผสมปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยเคมีให้พร้อม แล้วทิ้งไว้ประมาณ 7-10 วัน จากนั้นมาผสมดิน 3 ส่วน ปุ๋ยคอก 1 ส่วน และทรายหรือแกลบ 1 ส่วนลงในถาดเพาะกล้า แล้วหยอดเมล็ดลงไป คอยรดน้ำเช้า-เย็น จนกล้ามีใบจริงขึ้นมา 3-4 ใบ หรือมีอายุ 15 วัน ค่อยย้ายลงดินปลูก อย่าลืมกลบดินและรดน้ำให้ชุ่ม โดยมะเขือชนิดนี้ชอบน้ำมาก ช่วงแรกควรรดทุกวัน ทั้งเช้าและเย็น หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ จนเหลือประมาณ 2วัน/ครั้ง เมื่อมีอายุ 65-90 วัน ต้นก็จะออกผลพร้อมแก่การเก็บเกี่ยว

 

2. มะเขือเทศ

มะเขือเทศ

มะเขือเทศ (Tomato) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lycopersicon Esculentum Mill. เป็นพืชล้มลุก สูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นตั้งตรง กลม แข็ง และเหนียว กิ่งก้านเป็นทรงพุ่ม มีขนอ่อนปกคลุม และมีกลิ่นเฉพาะตัว ใบสีเขียว มีขนปกคลุม ปลายใบแหลม ขอบใบหยัก ดอกออกเป็นช่อ ขนาดเล็ก สีเหลือง ส่วนผลมีรูปร่างและสีต่างกันไปตามสายพันธุ์ มีทั้งกลม แบน และรี มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ เมื่อสุกจะเป็นสีแดง ส้ม หรือเหลือง เนื้อในฉ่ำน้ำ รสชาติเปรี้ยว หวาน กรอบ และมีเมล็ดจำนวนมาก

วิธีปลูกมะเขือเทศ นิยมเพาะเมล็ดแล้วย้ายกล้า โดยให้หยอดเมล็ดลงในดินเพาะที่เตรียมไว้ จนอายุ 25-30 วัน ค่อยย้ายไปปลูกในดินจริง ซึ่งต้องขุมหลุมให้ลึก 20 เซนติเมตร เว้นระยะพอสมควร รวมถึงทำค้างให้เลื้อยด้วย ที่สำคัญควรปลูกมะเขือเทศช่วงปลายฝน ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เน่าเสียง่าย ส่วนการดูแลก็ไม่ยาก โตได้ในดินทุกชนิด แต่จะชอบดินร่วนปนทรายเป็นพิเศษ ดูแลรดน้ำชุ่มเสมอทั้งเช้าและเย็น แต่ระวังอย่าให้น้ำขัง ตั้งให้โดดแสงแดดได้ตลอดทั้งวัน และหมั่นตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ออกผลดี

 

3. มะเขือพวง

มะเขือพวง

มะเขือพวง (Plate Brush Eggplant) มีชื่อวิทยาศาตร์ว่า Solanum Torvum Sw. เป็นไม้พุ่มยืนต้น ต่างจากมะเขือชนิดอื่น ๆ สูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นขนาดใหญ่ ตั้งตรง มีขนปกคลุม มีหนามเล็ก ๆ ห่าง ๆ ขึ้นทั่ว ใบแน่น รากเป็นรากฝอย ขนานไปกับพื้นดิน ออกดอกตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูฝน ผู้คนนิยมโขลกกินกับน้ำพริก หรือเป็นผักจิ้ม สารอาหารเยอะ มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็กสูง

วิธีปลูกมะเขือพวง : ให้เพาะกล้าด้วยการหว่านเมล็ดลงในกระบะเพาะ แล้วรดน้ำให้ชุ่มเช้า-เย็น จนกว่ากล้าจะมีใบจริงประมาณ 3-4 ใบ ค่อยย้ายลงแปลงปลูก ซึ่งแปลงปลูกต้องเตรียมดินไว้ก่อนประมาณ 7-10 วัน ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักให้เรียบร้อย จากนั้นก็นำกล้ามาปลูก เว้นระยะห่างให้เหมาะสม กลบโคนให้แน่น คลุมด้วยฟางข้าว และรดน้ำให้ชุ่มสม่ำเสมอ แต่ต้องระวังอย่าให้แฉะ หมั่นดูแลกำจัดวัชพืชเป็นประจำ ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยเคมีได้ตามสมควร โดยมะเขือพวงเป็นไม้กลางแจ้ง ที่ทนความร้อนและแล้งได้ดี จึงดูแลไม่ยาก ปลูกง่าย โตเร็ว ไม่ค่อยมีปัญหาพืชหรือแมลงรบกวน แถมยังเก็บเกี่ยวได้เป็นเวลานานด้วย

 

4. มะเขือม่วง

มะเขือม่วง

มะเขือม่วง (Eggplant) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Solanum Melongena. เป็นพืชล้มลุก สูงประมาณ 50-150 เซนติเมตร ทรงพุ่มหนา กิ่งก้านสาขามาก ใบขนาดค่อนข้างใหญ่ ผิวใบเรียบ ขอบใบเว้า แผ่นใบบาง มีขนปกคลุมทั่ว และมีเส้นกลางใบสีม่วงนูนเห็นเด่นชัด ดอกออกตามซอกใบ สีม่วง ผลก็เป็นสีม่วงเช่นกัน โดยจะมีทั้งแบบทรงกลมและทรงยาว ขนาดประมาณ 5-30 เซนติเมตร มีเมล็ดเล็ก ๆ ข้างใน รสชาติหวานกรอบคล้ายกันกับมะเขือเปราะ ประโยชน์และสรรพคุณเยอะมาก นำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย ส่วนใหญ่เป็นที่นิยมในยุโรปและอเมริกา

วิธีปลูกมะเขือม่วง : ให้เพาะกล้าในกระบะ โดยผสมดินร่วนกับปุ๋ยคอกในอัตรา 1:3 ส่วน แล้วหยอดเมล็ดลงในหลุ่ม เกลี่ยดินกลบ รดน้ำให้ชุ่ม รอจนกล้ามีใบจริง 3-5 ใบ ค่อยย้ายไปปลูกในดินที่ดี มีการรองพื้นด้วยปุ๋ยคอกและกำจัดวัชพืชออกทั้งหมด ซึ่งก่อนจะใส่กล้าลงในหลุม ควรรดน้ำให้ชุ่มก่อน อย่าลืมเว้นระยะห่างให้เหมาะสม กลบโคนต้น และรดน้ำให้ชุ่มอีกครั้งด้วย ส่วนการดูแล ช่วงแรกให้รดน้ำทุกวัน แล้วค่อยลดลงมาเรื่อย ๆ จนเหลือวันเว้นวัน ใส่ปุ๋ย 2 ครั้ง คือ หลังปลูก 20-25 วัน กับอายุประมาณ 45-50 วัน และหมั่นกำจัดวัชพืชจนกว่าต้นจะมีอายุ 3 เดือน

 

5. มะเขือไข่เต่า

มะเขือไข่เต่า

มะเขือไข่เต่า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Solanum Xanthocarpum Schrad. & Wendl. เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 0.5-1 เมตร อายุยืน ใบขนาดใหญ่ มีขนอ่อน ดอกสีขาวหรือม่วง ออกหลังปลูกประมาณ 30 วัน ผลห้อยย้อยลงข้างล่าง ทรงกลมหรือรี ขนาดเล็ก ผิวเรียบเป็นมัน มีหลายสี เช่น สีขาว สีเขียว สีเหลือง และสีม่วง รสชาติขื่นปนหวาน ข้างในมีเมล็ดเยอะ ผู้คนนิยมกินเป็นผักสด ผักดอง และผักจิ้มน้ำพริก

วิธีปลูกมะเขือไข่เต่า : เริ่มที่การผสมดินกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2:1 ส่วน ลงในถาดเพาะ แล้วจิ้มดินลึก 0.5 เซนติเมตร พร้อมกับหยอดเมล็ดลงไป กลบหน้าดินให้เรียบร้อย รดน้ำทุกเช้า-เย็น จนกล้าเริ่มโตหรือมีอายุ 25-30 วัน ค่อยย้ายลงดินปลูก ซึ่งถ้าปลูกในกระถาง ให้ใช้ดินร่วนผสมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2:1 ส่วนเช่นกัน จากนั้นก็ขุดหลุมแล้ววางกล้าลงไป โดยในช่วงแรกควรตั้งในที่ร่มก่อน พอแข็งแรงแล้วค่อยย้ายออกไปตั้งให้โดนแดด

 

6. มะเขือยาว

มะเขือยาว

มะเขือยาว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Solanum Melongena. ลักษณะเป็นพืชล้มลุก สูงประมาณ 0.5-1 เมตร ลำต้นแข็งแรง แผ่นใบเรียบ ขอบใบเว้าลึก งุ้มเข้าหากลางใบ มีขนปกคลุมทั่ว มีเส้นกลางใบสีม่วงนูนเห็นเด่นชัด ผลมีหลายสี ขึ้นอยู่กับพันธุ์ ส่วนใหญ่เป็นสีขาว สีเขียว และสีม่วง และสีม่วงปนขาว ประกอบอาหารได้หลากหลาย ทั้งต้ม ผัด ทอด นึ่ง และจิ้มน้ำพริก สรรพคุณเยอะ เป็นอาหารลดน้ำหนัก ช่วยลดคอเลสเตอรอล ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย แถมยังต้านอนุมูลอิสระและปรับสมดุลร่างกายได้ด้วย

วิธีปลูกมะเขือยาว : เริ่มต้นที่การเพาะกล้า โดยปรับหน้าดินให้เรียบ แล้วหว่านเมล็ดให้กระจายทั่วแปลง กลบด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก พร้อมคลุมด้วยฟางบาง ๆ ดูแลรดน้ำให้ชุ่มสม่ำเสมอจนกว่าต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ ค่อยย้ายลงแปลงปลูก โดยในส่วนของแปลงปลูก ต้องเตรียมดินปลูกให้ลึกประมาณ 10-20 นิ้ว และตากทิ้งไว้ 7-10 วันก่อน อย่าลืมใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยรองพื้นให้เรียบร้อย จากนั้นนำมาปลูกได้ ทั้งนี้ควรเว้นระยะห่างระหว่างแถวและระหว่างต้นพอสมควร ดูแลรดน้ำเป็นประจำทุกวัน พรวนดินกำจัดวัชพืชเสมอ ใส่ปุ๋ยช่วยบ้างเล็กน้อย พออายุประมาณ 60-80 วัน ก็จะเก็บเกี่ยวมากินได้แล้ว

 

7. มะเขือขื่น

มะเขือขื่น

มะเขือขื่น หรือมะเขือเหลือง (Cockroach Berry, Yellow Fruit Nightshade หรือ Yellow Berried Nightshade) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Solanum aculeatissimum เป็นพืชล้มลุก ทรงพุ่ม ขนาดเล็ก ลำต้นกลม ตั้งตรง แข็งเหนียว มีหนามปกคลุมทั่ว และมีกลิ่นเฉพาะตัว ใบทรงเรียวรี โคนใบรูปหัวใจ ปลายใบแหลม ขอบใบเว้า ก้านใบยาว มีหนามแหลมปกคลุมทั่ว ดอกทรงกรวย สีม่วง ส่วนผลทรงกลม ผิวเรียบเป็นมัน เปลือกหนามีเมือก เมื่อสุกเป็นสีเหลือง รสชาติฝาดเปรี้ยว มีเมล็ดเล็ก ๆ ข้างในจำนวนมาก

วิธีปลูกและดูแลมะเขือขื่น : ให้เพาะเมล็ดในถุงชำจนกระทั่งต้นกล้ามีอายุ 30 วัน ค่อยย้ายไปปลูกลงในดิน เว้นระยะห่างให้เหมาะสม โดยมะเขือชนิดนี้ทนแล้งได้ดี โตได้ในดินทุกชนิด แต่จะชอบดินร่วนปนทรายมากเป็นพิเศษ หมั่นรดน้ำเช้า-เย็น ทุกวัน แต่ระวังอย่าให้น้ำขัง ควรปลูกในที่ที่มีแสงแดด และทำการตัดแต่งกิ่งเสมอ ไม่นานประมาณ 60 วัน ก็จะเริ่มเก็บเกี่ยวได้

แต่ละชนิดปลูกง่าย ดูแลไม่ยาก แถมประโยชน์และสรรพคุณดีมาก เอาเป็นว่าใครชอบกินมะเขือชนิดไหน ก็ลองปลูกติดไว้ที่บ้านกันดูนะคะ