ลำไยเป็นผลไม้ที่เป็นที่นิยมอย่างมากในบ้านเรา อีกทั้งยังมีรสชาติหวานอร่อย และมีสรรพคุณมากมาย เช่น มีสารต้านอนุมูลอิสระ มีธาตุแคลเซียม ช่วยในการบำรุงกระดูกและฟัน เป็นต้น จำทำให้การปลูกลำไยนั้นแพร่หลายมากขึ้นในเขตของภาคเหนือ เพราะลำไยต้องอาศัยอากาศที่หนาวเย็นในการกระตุ้นการออกดอก โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 4-30 องศาเซลเซียส

ในปัจจุบันนั้น สายพันธุ์ของลำไยนั้นมีมากาย เช่น พันธุ์อีดอ อีดำ เป็นต้น แต่การพัฒนาสายพันธุ์ก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาให้มีลักษณะที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค จึงได้มีการค้นพบลำไยพันธุ์ “จัมโบ้” ที่มีลักษณะผลใหญ่ เนี้อหนาแข็งและไม่แฉะน้ำ โดยมีความหวานอยู่ที่ 13-15 เปอร์เซ็นต์บริกซ์ แต่ลักษณะที่เด่นของสายพันธุ์จัมโบ้จริงๆแล้ว คือ เมล็ดที่ลีบเล็กเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ของผลลำไย จึงทำให้มีเนื้อที่หนาขึ้น

การเตรียมแปลงปลูกและดินสำหรับการปลูก

  1. หากที่ดินแปลงปลูกมีขนาดใหญ่ ควรเริ่มปรับพื้นที่หรือเตรียมดินในฤดูแล้ง และควรจัดพื้นที่ขุดบ่อน้ำ  สำหรับกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง
  2. ไถดินเพื่อปรับสภาพแปลงปลูก รื้อสิ่งกรีดขวางออก เพื่อพื้นที่มีสภาพโล่ง
  3. ไถ พรวนดิน ยกแนวปลูกให้เป็นร่องลูกฟูกหรือฟันดินพูนเป็นโขด (กระทะคว่ำ)ร่องลูกฟูกหรือโขดควรสูงจากพื้นดินเดิมอย่างน้อยประมาณ 50-75 ซม.
  4. ย่อยดินตรงบริเวณที่จะปลูกให้ละเอียดเหมาะสมต่อการปลูกพืช
  5. ปรับปรุงสภาพดินของแนวรองปลูกหรือบริเวณโขดที่จะปลูกด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก
  6. ปักไม้รวก (ยาวประมาณ 50-60 ซม.) ตรงบริเวณจุดกำหนดหรือโขดที่จะปลูก ให้แต่ละจุดที่จะปลูกต้นในแต่ละแถวปลูก อยู่ในแนวที่ตรงกัน
  7. หากดินที่จะปลูกเป็นดินร่วนปนทราย ควรจัดเตรียมเศษพืชหรือฟางเพื่อการคลุมดิน รักษาความชื้น
  8. เก็บ ตัวอย่างดินบริเวณที่จะปลูก ส่งหน่วยงานเพื่อวิเคราะห์ความเป็นกรดเป็นด่าง โครงสร้างของดิน ปริมาณอินทรีย์วัตถุและธาตุอาหารที่จำเป็น

การเตรียมต้นพันธุ์

  1. หากเลือกใช้ต้นพันธุ์เป็นกิ่งตอน ควรพิจารณาดังนี้
  • เป็นกิ่งตอนจากแหล่งหรือผู้ขายที่เชื่อถือได้
  • ต้นแม่ต้องแข็งแรง มีลักษณะที่ดีตรงตามสายพันธุ์
  • ต้นแม่ควรมีอายุมากกว่า 8-9 ปีขึ้นไป
  • กิ่ง ตอนควรเป็นกิ่งที่ตั้งหรือตั้งตรงทีมีอายุ 1-1.5 ปี กิ่งแข็งแรง กลม -ไม่มีหนาม สี เขียวอมน้ำตาลหรือสีน้ำตาลอมเขียว มีรากออกโดยรอบขวั้น
  • ความสูงของกิ่งตอน 45-55 ซม. (ไม่ควรเกิน 60 ซม.)
  • กิ่งตอนไม่ควรเพาะชำอยู่ในถุงนานเกิน 6 เดือน
  1. หากเลือกใช้ต้นพันธุ์เป็นต้นตอที่ติดตาหรือเสียบยอด ควรเลือกที่มีลักษณะดังนี้
  • ต้นพันธุ์ได้จากแหล่งหรือผู้เชื่อถือได้
  • ต้นพันธุ์แข็งแรงมีลักษณะที่ดีตรงตามสายพันธุ์
  • ต้นพันธุ์ไม่ควรปลูกอยู่ในถุงเพาะชำ ภายหลังการติดตาหรือเสียบยอดเกินกว่า 1 ปี

ระยะเวลาปลูกและวิธีการปลูกที่เหมาะสม

  • สามารถเลือกเวลาปลูกเมื่อใดก็ได้ ถ้าแปลงปลูกมีการติดตั้งระบบน้ำชลประทาน
  • ควรปลูกในเดือนกรกฎาคม ถึง เดือนตุลาคม หากอาศัยน้ำฝนโดยไม่มีแหล่งน้ำ
  • กิ่งหรือต้นพันธุ์ที่จะนำลงปลูกควรเป็นระยะใบแก่ (ไม่ควรมีใบอ่อน) หากเป็นกิ่งตอนควร ให้ปลายรากมีสีเหลืองหรือสีนวล
  • ต้นพันธุ์ที่มีรากขดงอโดยเฉพาะรากใหญ่ หากไม่สามารถจัดระบบรากได้ ไม่ควรนำลงปลูก
  • อย่าปลูกต้นพันธุ์ลึก ควรปลูกและกลบหน้าดินให้เสมอขั้วบนของกิ่งตอน หรือเสมอระดับ หน้าดินเดิมของถุงเพาะชำ
  • ควรปลูกโดยจัดให้ลําต้นหลักของต้นพันธุ์ตั้งตรงระวังอย่าให้ต้นลำไยโยกคลอน ปักหลักไม้รวกและผูกยึดต้นให้แน่น
  • ควรหาฟางข้าวหรือเศษพืชคลุมดินบริเวณโขดที่ปลูก โดยเฉพาะในดินร่วนหรือดินปนทราย

การดูแลและการทำงาน (หลังปลูก -ต้นอายุ 1 ปี)

  • ผูกยึดตอนให้แน่นกับหลักไม่รวกที่ปอกไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ตอนโยกคลอน
  • มีการจัดร่มเงาให้ต้นลำไย  ในระยะแรกโดยอาจใช้ทางมะพร้าวปักพรางแสง เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นได้รับแดดจัดเกินไปในช่วงแรก
  • ต้องให้น้ำแก่ต้นที่ปลูกใหม่อย่างสม่ำเสมอและเพียงพอ ระวังอย่าให้ต้นขาดน้ำ
  • ควรให้ปุ๋ยไบโอเฟอร์ทิล(สูตรบำรุงต้น ไล่แมลง) พ่นทางใบให้กับต้นลำไย เดือนละ 1-2 ครั้ง
  • ในฤดูแล้ง ควบคุมบริเวณทรงพุ่มด้วยเศษพืช ฟางข้าว ต้นถั่ว เปลือกถั่ว
  • ระวังการทำลายของแมลงค่อมทอง หนอนต่าง ๆ  และเพลี้ยในระยะยอดและใบอ่อน
  • ตั้งแต่ต้นอายุ 12 เดือนขึ้นไป ควรตัดแต่งกิ่งกระโดง กิ่งแห้งและกิ่งเป็นโรค
  • ห้ามอย่าฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดวัชพืชใกล้บริเวณโคนต้นหรือทรงพุ่ม
  • ระวังการทำลายของโรคราดำในฤดูฝน
  • ควรใช้วัสดุปรับปรุงคุณภาพของดิน เช่น อินทรียวัตถุ ปูน ให้เหมาะสมกับชนิดของดิน
  • ปลูกซ่อมแซมต้นที่ตายหรือไม่แข็งแรง โดยใช้พันธุ์ที่สมบูรณ์แข็งแรง
  • หากแปลงปลูกอยู่ในสภาพที่โล่ง ใกล้นาข้าว ที่รกร้าง ควรรีบปลูกพืชล้อมที่หรือพืชกำบังลม ภายหลังจากที่ปลูกแล้ว
  • หากต้องการปลูกต้นไม้อื่นเป็นพืชเสริมรายได้ ให้เลือกชนิดที่เหมาะสมกับลำไยที่ปลูก

การดูแลและการทำงาน (ต้นอายุ 1-3 ปี)

  • ให้เริ่มสร้างทรงพุ่ม โดยมีลำต้นหลักเพียงลำต้นเดียวและมีกิ่งใหญ่ 4-5 กิ่ง
  • ควบคุมให้แตกยอดอ่อนเป็นรุ่นหรือเป็นชุดพร้อม ๆ กันตั้งแต่ต้นลำไยอายุ 1 1/2  ปี
  • บังคับการแตกยอดอ่อนให้มีการแตกตาข้างมากกว่าการแตกตายอด (โดยการตัดแต่ง)
  • การแตกยอดสามารถบังคับให้เกิดได้ ทุก ๆ 45-60 วันโดยอาศัยวิธีการให้น้ำเป็นระยะ ๆ และฉีดพ่นไบโอเฟอร์ทิล(สูตรบำรุงต้น ไล่แมลง) ทุก ๆ 45-60 วัน หรือตามที่เอกสารแนะนำ
  • ขนาดของใบควรได้มาตรฐาน ใบหนา สีเขียวเข้ม เป็นมันเงา ไม่บิดงอ ไม่แสดงอาการขาดธาตุอาหาร
  • การให้ปุ๋ยทางดินควรเริ่มปรับเป็นการให้ 30-45 วัน/ครั้ง และอาจให้สลับระหว่างปุ๋ยเคมี สูตร 25-7-7และ วัสดุปรับปรุงดิน เกรดAAA ตรายักษ์เขียว สูตรเข้มข้นพิเศษ(แถบทอง)อัตรา ½ – 1 กิโลกรัม หรือใส่ร่วมกันในอัตรา 1:1  ส่วนปริมาณมากน้อยขึ้นอยู่กับขนาดทรงพุ่ม
  • เริ่ม ไว้ผลครั้งแรกเมื่อต้นอายุประมาณ 36-48 เดือน โดยในช่วงฤดูหนาว เมื่ออากาศหนาวติดต่อกันประมาณ 3 อาทิตย์ ลำไยจะเริ่มแทงยอดอ่อน ให้ใช้ไบโอเฟอร์ทิล (สูตรบำรุงต้น ไล่แมลง) ฉีดพ่นตามอัตราที่แนะนำ  3-4 ครั้ง ห่างกัน 7 วัน ลำไยจะติดดอกได้ดี  เมื่อติดผลครั้งแรก ควรปลิดช่อผลทิ้งบ้างกะประมาณให้เหลือไว้ถึงตอนเก็บผลแค่ 10-15  กิโลกรัม/ต้น เพื่อไม่ให้ต้นโทรมเร็ว
  • ในการกระตุ้นดอก เมื่อต้นลำไยเริ่มแทงช่อดอก ให้ค่อย ๆ เพิ่มการรดน้ำจนสู่ระดับปกติ และรดน้ำอย่างเพียงพอ

การดูแลผลผลิต

                หาก ต้นลำไยได้รับการดูแลปฏิบัติแล้ว ต้นจะสมบูรณ์มากทำให้มีดอกและผลติดมาก เมื่อผลอายุได้ 1-2 เดือน ให้ซอยหรือตัดผลที่เบี้ยว เป็นแผล และมีแมลงเข้าทำลายออก และหากติดดกมากให้ตัดปลายช่อออกบ้างเพื่อให้ผลมีขนาดใหญ่เสมอกัน  และฉีดพ่นไบโอเฟอร์ทิล(สูตรเร่งขนาดผล) ทุก 10-15 วัน โดยปกติจะกะประมาณให้ต้นลำไยมีผลผลิต(ตอนเก็บเกี่ยว) 150 – 300 กิโลกรัมขึ้นอยู่กับอายุและขนาดของต้นลำไย

การรักษาคุณภาพที่ดีของผลและต้นลำไย

  1. ระมัด ระวังการทำลายของหนอนกินดอก ไรลำไย มวนลำไย แมลงค่อมทองและเพลี้ยตั้งแต่ระยะเริ่มผลดอก ระยะดอกอ่อน -ดอกตูม -กลีบ ดอกโรย ถึงระยะผลอ่อนอายุ 2 เดือน ช่วงนี้แนะนำให้ฉีดพ่น เมทา-แม็ก เพื่อควบคุมและกำจัดเป็นประจำ
  2. ระวังการทำลายของโรคราดำ (โดยเฉพาะในฤดูฝน)และโรคพุ่มไม้กวาด ทุกช่วงของลำไย
  3. ระวังการทำลายของหนอนม้วนใบ,หนอนกินใต้ผิวเปลือก ในช่วงแตกใบอ่อน
  4. ระวังการทำลายของ เพลี้ยหอย เพลี้ยแป้ง ในช่วงอากาศแห้ง
  5. อย่าปล่อยให้ผลติดต่อช่อมากเกินไป เพราะจะทำให้ผลลำไยมีขนาดเล็กและขนาดผลไม่สม่ำเสมอโดยแนะนำให้ตัดแต่งช่อโดยเฉพาะช่วงปลายช่อ ซึ่งผลมักจะมีขนาดเล็ก

 

 

 

 

แหล่งที่มา

ขอขอบคุณ : เทคโนโลยีชาวบ้าน / เทคนิคการปลูกลำไย / การปลูกลำไย