สาหร่ายพวงองุ่น พืชน้ำที่กำลังมาแรงและน่าสนใจในกลุ่มผู้นิยมอาหารเพิื่อสุขภาพ ที่มีลักษณะ เป็นเม็ดสีเขียวใส ลักษณะกลมคล้ายองุ่นลูกจิ๋วอยู่ชิดกันเป็นพวง คนไทยจึงเรียกว่าสาหร่ายพวงองุ่น ซึ่งในชื่อภาษาอังกฤษก็คล้าย ๆ กันในชื่อ Sea Grapes ส่วนในญี่ปุ่นเขาเรียกสาหร่ายพวงองุ่นว่า Umi-budou ที่แปลว่าองุ่นแห่งท้องทะเล แต่บางทีเราก็เรียกสาหร่ายพริกไทย คาร์เวียร์สีเขียว (Green Caviar)ทั้งในประเทศอื่น ๆ ยังเรียกสาหร่ายพวงองุ่นแตกต่างกันไป การพบสาหร่ายชนิดนี้ จะพบกันในประเทศแถบร้อนชื้น อย่างอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ญี่ปุ่น ส่วนไทยพบได้บ้างในแถบทะเล น้ำลึก
                         
     สุภาพ ไพรพนาพงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งพังงา บอกว่า สาหร่ายพวงองุ่นเป็นสาหร่ายทะเลชนิดหนึ่ง เป็นพืชชั้นต่ำที่อาศัยอยู่ในทะเล ลักษณะโดยทั่วไป ขึ้นเป็นเดี่ยวๆ พบบริเวณชายฝั่งในเขตน้ำขึ้น-ลง หรือแอ่งน้ำขัง เกาะกับก้อนหิน ปะการัง ลำต้นคืบคลานไปตามพื้นและแตกแขนงได้ ซึ่งส่วนของแขนงตั้งตรงสูง 1-6 ซม. มีใบหรือรามูลัสเล็กๆ ทรงกลมคล้ายผลองุ่นสีเขียว มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 1.5-2 มม. มีก้านสั้นๆ เรียงกันคล้ายพวงองุ่น จะอยู่ในระดับน้ำลึกไม่เกิน 1.5 เมตร ชาวบ้านที่อยู่ตามชายฝั่งนิยมไปเก็บสาหร่ายพวงองุ่นนำมาบริโภคในพื้นที่ แต่ไม่แพร่หลายเท่าไรนัก
     อย่างไรก็ตาม จากการวิจัยพบว่า สาหร่ายพวงองุ่นมีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะโปรตีน ไอโอดีน ซึ่งช่วยป้องกันและรักษาโรคคอพอก แมกนีเซียมช่วยบำรุงกล้ามเนื้อและระบบประสาท โพแทสเซียมช่วยควบคุมการทำงานของเซลล์และสมดุลของน้ำในร่างกาย รวมทั้งพบวิตามินบี ซี อี และกรดอะมิโนจำเป็นหลากหลายชนิด ที่ไม่พบในพืชบก ถึงแม้จะมีรสเค็มแต่ปริมาณเกลือต่ำ  ปราศจากไขมัน ว่ากันว่าเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง แต่ปัจจุบันสาหร่ายพวงองุ่นในธรรมชาติมีน้อย ทางกรมประมงมีนโยบายให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งพังงา ส่งเสริมเกษตรกรให้เพาะเลี้ยงเป็นพืชเศรษฐกิจ เพื่อนำรายได้มาเลี้ยงครอบครัว เนื่องจากระยะเวลาการเพาะเลี้ยงใช้เวลาเพียง 6-8 สัปดาห์ จะสามารถขายได้ ในการใช้เงินลงทุน ครึ่งกิโลกรัมใช้เงินลงทุนไม่ถึง 100 แต่ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 5-10 กิโลกรัม และสามารถเพิ่มราคาได้ถึง 200-400 บาท ปัจจุบันราคาตกกิโลกรัมละ 70 บาท ล่าสุดมีเกษตรกรสนใจหันมาเลี้ยงแล้วกว่า 50 ราย
     ส่วนวิธีการเพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นนั้น สุภาพ บอกว่า ต้องหาสาหร่ายมาจากธรรมชาติจำนวน 1 กก. ใส่ในตะกร้าขนาด 25×45 ซม. แช่ลงในน้ำทะเล ที่เป็นแอ่งน้ำขัง หรือบ่อปลากะพง ใช้เวลา 1 เดือนโดยไม่ต้องใช้ปุ๋ย สามารถเก็บขายได้แล้ว ปัจจุบันมีตลาดในพื้นที่รองรับ ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่ จ.ภูเก็ต พังงา กระบี่ หากมีปริมาณที่เพียงพออาจขยายตลาดสู่เมืองท่องเที่ยว และจังหวัดอื่นต่อไปในอนาคต
     สำหรับสาหร่ายพวงองุ่นจัดเป็นอาหารสุขภาพที่มีราคาค่อนข้างสูง ตามข้อมูลจากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งพังงา ระบุว่า คุณประโยชน์คือ เป็นอาหารสำหรับรับประทานแล้ว ให้พลังงานน้อยแต่มีคุณค่าด้านโภชนาการสูง โดยเฉพาะโปรตีน มีวิตามินหลายชนิด แร่ธาตุ และไอโอดีนสูง จะช่วยปรับสมดุลในร่างกาย รักษาความชุ่มชื้นของเซลล์ผิว  บำรุงสมอง  บำรุงเส้นผม มีแคลอรีต่ำ และกากใยสูงป้องกันท้องผูกและริดสีดวงทวาร ถึงแม้จะมีรสเค็มแต่ปริมาณเกลือต่ำ ปริมาณไขมันต่ำ เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันสูง และโรคหัวใจอีกด้วย  ทั้งยังมีงานวิจัยอีกหลายสถาบันที่เชื่อว่าสาหร่ายให้ผลเป็นยาในการต่อต้าน  และยับยั้งเซลล์ผิดปกติ  หรือมะเร็ง ซึ่งสาหร่ายพวงองุ่นยังมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อราได้อีกด้วย
     สาหร่ายพวงองุ่นถือว่าเป็นพืชที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรที่อาศัยตามแนวชายฝั่งทะเลอันดามันให้เพาะเลี้ยงเป็นอาชีพ เพื่อสร้างรายได้ต่อไป  
แหล่งข้อมูลอ้างอิง