องุ่นเป็นไม้เลื้อยประเภทยืนต้น มีอายุยาวนานหลายปี การปลูกจะต้องมีค้างรองรับ เถาองุ่น จะมีลักษณะเป็นปล้องบริเวณข้อจะมีใบ 1 ใบอยู่เรียงสลับกันไปตามข้อ และมีมือจับซึ่งเป็นช่อดอก ที่ไม่พัฒนาอยู่ตรงข้ามกับใบ บริเวณโคนก้านใบจะมีกิ่งแขนงเล็ก 1 กิ่งและตา 1 ตา เป็นตารวมประกอบด้วยตาเอก (Primary bud) 1 ตาอยู่ตรงกลางและตารอง (Secondary bud) 2 ตา ตาเอกมีความสำคัญมาก เพราะประกอบด้วยตายอดมือและกลุ่มของดอก ผลองุ่นจะมีลักษณะเป็นพวง แบบที่เรียกว่าราคีส (rachis) ผลมีหลากหลายลักษณะ ขนาดและสี ภายในผลอาจจะมีเมล็ดหรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับพันธุ์ ในเขตอบอุ่นหรือเขตหนาว องุ่นจะพักตัวในฤดูหนาว เมื่ออากาศอบอุ่นก็จะแตกตาเกิดยอดใหม่ ซึ่งจะออกดอกและติดผลบนกิ่งใหม่ แต่ในประเทศไทย ซึ่งอากาศไม่หนาวเย็น ต้นองุ่นจะไม่พักตัว วิธีการทำให้องุ่นให้ผลผลิตคือ เมื่อกิ่งแก่เป็น  สีน้ำตาลแล้ว จะใช้วิธีการตัดแต่ง และใช้สารบังคับให้ตาแตกออกมาเป็นยอดใหม่ และออกดอกให้ผลผลิต ซึ่งปัจจุบันมีสายพันธุ์องุ่นเหมาะในการปลูกในประเทศ

 

     หลักการเลือกพันธุ์องุ่น ต้องมีคุณสมบัติดังนี้
1.เป็นพันธุ์ที่ตลาดต้องการ เช่น รสชาติหวาน หอม กรอบ ให้ผลผลิตสูงในช่วงที่ตลาดต้องการ
2.มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และภูมิอากาศ องุ่นจะสร้างตาดอกได้ดีในสภาพภูมิอากาศที่อุณหภูมิไม่สูงมากเกินไป
3.เป็นพันธุ์ที่ผลผลิตมีคุณภาพ และมีระยะการเก็บเกี่ยวผลผลิตสั้น ซึ่งจะง่ายต่อการจัดการให้ผลผลิตมีคุณภาพ สามารถลดความเสียหายที่เกิดจากฝนได้
4.ควรหลีกเลี่ยงพันธุ์ที่มีข้อจำกัด เช่น อ่อนแอต่อโรคและแมลงบางชนิดเป็นพิเศษ หรือผลแตกง่าย เว้นแต่พันธุ์นั้นมีคุณภาพดีและราคาสูงมาก ๆ คุ้มค่าต่อความเสี่ยง

1.พันธุ์บิวตี้ซีดเลส เป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตดี ไม่มีเมล็ด ผลทรงกลมรี ผลมีสีดำ ผลมีขนาดปานกลาง ให้ผลผลิตสูงในทุกฤดูที่ตัดแต่ง ค่อนข้างแข็งแรงเจริญเติบโตได้รวดเร็ว ปลูกได้ดีในทุกระดับความสูงของพื้นที่ เป็นสายพันธุ์ที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคและร้านอาหารบางแห่งนิยมนำองุ่นพันธุ์บิวตี้ ซีดเลส ไปคั้นเป็นน้ำองุ่นสด เพราะมีรสชาติอร่อย แถมมีคุณประโยชน์ดีต่อร่างกาย เป็นพันธุ์ที่มีสารอาหารจำพวกกรดอินทรีย์ น้ำตาลกลูโคส น้ำตาลซูโคส วิตามินซี เหล็ก และ แคลเซียม ช่วยบำรุงสมอง บำรุงหัวใจ แก้กระหาย ขับปัสสาวะ บำรุงกำลังอีกด้วย

2.พันธุ์เฟลมซีดเลส เป็นพันธุ์ที่มีคุณภาพดีมาก ไม่มีเมล็ด ผลทรงกลม ผลมีสีดำ ผลมีขนาดกลาง เนื้อแน่นกรอบ เปลือกผลบาง แต่ค่อนข้างต้องการอากาศเย็น เพราะเจริญเติบโตเร็วมาก การปลูกในพื้นที่ราบพบว่าให้ผลผลิตไม่สูงเท่ากับการปลูกในพื้นที่สูง โดยเฉพาะการให้ผลผลิตในช่วงฤดูหนาว

3.พันธุ์ลูสเพิลเล็ต เป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตดีในทุกระดับของพื้นที่ ผลผลิตมีคุณภาพดีมาก ไม่มีเมล็ด ผลทรงกลม สีเหลืองทอง ผลมีขนาดเล็ก ปริมาณความหวานค่อนข้างสูง กลิ่นหอม เนื้อแน่นกรอบ เปลือกผลบาง แต่ถ้าในช่วงระยะผลใกล้แก่ หากได้รับน้ำมากหรือไม่สม่ำเสมอ ผลจะแตกง่าย และให้ผลผลิตต่อพื้นที่น้อย

4.พันธุ์แบล็คโอปอล เป็นพันธุ์ที่ปลูกได้ในดีในทุกระดับของพื้นที่ เป็นพันธุ์ที่เจริญเติบโตเร็ว ให้ผลผลิตสูงทุกฤดูที่ตัดแต่ง คุณภาพดี ไม่มีเมล็ด ผลทรงกลม สีดำ ผลมีขนาดกลาง