ข้าวเหนียวพันธุ์ ” น่าน 59 “ เป็นข้าวเหนียวที่มีลักษณะหอม ต้นเตี้ย ต้านทานโรคไหม้และโรคขอบใบแห้ง

ซึ่งลักษณะดังกล่าวนั้นเป็นที่ต้องการของเกษตรกร

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ได้มีการพัฒนาการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวเหนียวที่มีลักษณะตรงตามความต้องการของเกษตรกร คือ ข้าวเหนียวพันธุ์ ” น่าน 59 “ ซึ่งได้มีการต่อยอดมาจากข้าวสายพันธุ์ กข6 ที่มีลักษณะ ต้นเตี้ย ต้านทานโรคไหม้และโรคขอบใบแห้ง ซึ่งเป็นที่นิยมปลูกของเกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยได้เปิดตัวในกิจกรรม “วันเกษตรกรระดับเครือข่าย (Field Day)” ประจำฤดูปลูก 2561 ณ แปลงสาธิตผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวอินทรีย์ กลุ่มชาวนาบ้านบุญเรือง ต.ไหล่น่าน อ.เวียงสา จ.น่าน

ดร.สมวงษ์ ตระกูลรุ่ง ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช.กล่าวว่า “หน่วยปฏิบัติการค้นหาและใช้ประโยชน์ยีนข้าว ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และไบโอเทค ได้ใช้เทคโนโลยีชีวภาพโดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีด้านโมเลกุลเครื่องหมายในการคัดเลือกและจำแนกสายพันธุ์ข้าว โดยเน้นการพัฒนาและปรับปรุงสายพันธุ์ข้าวของประเทศไทยให้มีคุณภาพดี ทนทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืช ทนทานต่อสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมในการเจริญเติบโต เช่น น้ำท่วม ฝนแล้ง ดินเค็ม ดินกรด”

“ตลอดระยะเวลากว่า 15 ปีที่ผ่านมา ได้มีการวิจัยและพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ข้าวมาแล้วมากมาย อาทิ ข้าวหอมชลสิทธิ์ทนน้ำท่วมฉับพลัน ข้าวพันธุ์กข51 ทนน้ำท่วมฉับพลัน ข้าวพันธุ์ กข18 ต้านทานโรคไหม้ ข้าวเหนียวพันธุ์ธัญสิริน ข้าวเหนียว กข6 ต้นเตี้ยต้านทานโรคไหม้และโรคขอบใบแห้ง ซึ่งการพัฒนาพันธุ์ข้าวของหน่วยปฏิบัติการค้นหาและใช้ประโยชน์ยีนข้าวนั้น ได้ทำงานร่วมกับกรมการข้าว และมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมทั้งทำงานร่วมกับชุมชนในแง่ของการให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสมเอง และการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในแง่ของการผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพดีไว้ใช้เอง”

นายสินธ์ พรหมพิชัย ประธานเครือข่ายผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ พันธุ์ดีจังหวัดน่าน กล่าวว่า เครือข่ายผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ พันธุ์ดีจังหวัดน่าน เกิดจากการรวมตัวกันของ กลุ่มผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวในจังหวัดน่านทั้งหมด 11 เครือข่าย โดยมีมูลนิธิฮักเมืองน่านเป็นผู้ประสานงาน ซึ่งจุดเริ่มต้นของการได้มาทำงานร่วมกับทาง ไบโอเทค สวทช. คือ การระบาดของโรคใบไหม้อย่างรุนแรงที่น่าน ทำให้เกษตรกรต้องการข้าวที่มีความต้านทานต่อโรคใบไหม้ จนกระทั่งทางกลุ่มได้รับพันธุ์ข้าวที่มีคุณสมบัติในการต้านทานโรคไหม้ และมีคุณภาพการกิน เท่าเทียมกับพันธุ์ กข6 จาก ไบโอเทค สวทช. จำนวน 25 สายพันธุ์ และมีการนำมาทดลองปลูกและคัดเลือกพันธุ์โดยเกษตรกร จนกระทั่งเกิดเป็นพันธุ์ข้าว “ธัญสิริน” ซึ่งเป็นชื่อพันธุ์ที่ได้รับพระราชทานจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และต่อมา สวทช. ได้มีการสนับสนุนสายพันธุ์ข้าว กข6 ต้นเตี้ย ต้านทานโรคไหม้และโรคขอบใบแห้ง เพื่อยกระดับการผลิตและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มฯ ซึ่งจังหวัดน่านเป็นกลุ่มแรกๆ ในการผลิตเมล็ดพันธุ์ กข6 ต้นเตี้ยฯ และได้มีการนำไปปลูกแพร่หลายในหลากหลายจังหวัดทั้งภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสายพันธุ์ดังกล่าวให้ผลผลิตสูง คุณภาพดี ต้านทานโรคและไม่หักล้ม

 

ดร.บุญรัตน์ จงดี หัวหน้าโครงการ การพัฒนาศักยภาพการผลิตของกลุ่มผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์เพื่อความมั่นคงและยั่งยืน ที่ได้รับการสนับสนุนจาก สวทช. กล่าวว่า ข้าวเหนียวพันธุ์ “น่าน59” พัฒนามาจากข้าวเหนียวพันธุ์ กข6 ต้นเตี้ย ต้านทานโรคไหม้และโรคขอบใบแห้ง เพื่อให้มีความต้านทานโรคไหม้กว้างขึ้นและมีความหอม โดยยังคงลักษณะต้นเตี้ยไว้ ทำให้เก็บเกี่ยวได้ง่าย โดยข้าวพันธุ์น่าน59 สามารถต้านทานโรคไหม้แบบกว้างกับเชื้อทุกกลุ่มในประเทศไทย ต้านทานเชื้อโรคขอบใบแห้งจำนวน 11 กลุ่ม จากทั้งหมด 13 กลุ่ม มีความสูงประมาณ 110 เซนติเมตร ลำต้นแข็ง ไม่หักล้ม สามารถทนทานต่อแรงลมเนื่องจากมีขนาดลำต้นเตี้ย สามารถใช้เครื่องจักรในการเก็บเกี่ยวแทนการใช้แรงงานคน ข้าวแตกกอดี ให้ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 600-700 กิโลกรัมต่อไร่ และในพื้นที่ๆ มีความอุดมสมบูรณ์สามารถให้ผลผลิตกว่า 1000 กิโลกรัมต่อไร่ เมล็ดข้าวเรียว หลังขัดสีไม่แตกหัก มีคุณภาพการหุงต้มดีและมีความหอม นอกจากนี้ยังมีความเหนียวนุ่มคล้ายข้าวเหนียวพันธุ์ กข6 ซึ่งเกษตรกรในพื้นที่ จ.น่าน ได้ทดลองปลูกและได้ผลผลิตดี ทั้งนี้เป็นการลดการจ้างแรงงานด้านเกษตรที่เริ่มหายาก ได้พันธุ์ข้าวที่ตอบโจทย์เกษตรกรสร้างความเข้มแข็ง รายได้ และความยั่งยืนต่อไป

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

ขอขอบคุณ : MGR Online / Biotec