↗แนวโน้มความต้องการ บริโภคผลผลิตทางการเกษตรในโลกที่เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่พื้นที่ในการทำการเพาะปลูกยังคงมีอยู่อย่างคงที่ การทำการเกษตรในอนาคตจำเป็นต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อประชากร
โดยปัจจุบันการทำการเกษตรทั่วโลกยังไม่มีประสิทธิภาพมากนัก ด้วยเหตุนี้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คำว่า เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farm) มีให้เราได้เห็น ให้ได้ยินกันหนาหูมากขึ้นตามยุคสมัย เพราะตั้งแต่เราก้าวเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 การนำนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในประเทศก็มีมากขึ้น ทำให้ภาคเกษตรเริ่มมีการปรับตัวเองโดยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
![]()
เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farm หรือ Intelligent Farm) เป็นการทำเกษตรสมัยใหม่ ด้วยการใช้เทคโนโลยีหรือหุ่นยนต์ เครื่องจักร ฯลฯ ที่มีความแม่นยำสูง เข้ามาช่วยในการทำงาน โดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยต่อผู้บริโภค และการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด ในยุคที่แรงงานในภาคเกษตรลดลง อย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาคการเกษตรเริ่มมีการปรับตัวโดยนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงและประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมากขึ้น
![]()
หลักการทำงาน ระบบสมาร์ทฟาร์มจะบูรการข้อมูลภูมิอากาศระดับพื้นที่ย่อย และระดับไร่จากเครือข่ายเซ็นเซอร์ไร้สาย ที่ติดตั้งตามจุดต่างๆภายในไร่นา (ข้อมูล อุณหภูมิ ความชื้น ในดินและในอากาศ แสง ลม น้ำฝน) กับข้อมูลอุตุนิยมวิทยา (เรดาห์ ข้อมูลดาวเทียม โมเดลสภาพอากาศ) ที่มีอยู่บนอินเตอร์เน็ต และนำเสนอต่อเกษตรกร เจ้าของไร่ และดำเนินกิจกรรมต่างๆ การวางแผนการเพาะปลูก การให้น้ำ ให้ปุ๋ยและยา เป็นต้น
![]()
แนวคิดของการทำเกษตรอัจฉริยะ คือ การเกษตรแม่นยำสูง (Precision Agriculture หรือ Precision Farming) โดยเป็นการทำการเกษตรให้เข้ากับสภาพพื้นที่ เน้นพื้นที่ที่ไม่ใช่พื้นที่เกษตรขนาดใหญ่ เน้นประสิทธิภาพในการเพาะปลูก ตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์จนถึงกระบวนการปลูกที่นำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการตรวจวัดทั้งเรื่องของสภาพดิน ความชื้นในดิน แร่ธาตุในดิน ความเป็นกรดด่าง สภาพปริมาณแสงธรรมชาติ รวมถึงเรื่องศัตรูพืชต่าง ๆ บางประเทศมีการควบคุมสิ่งแวดล้อมผ่านการปลูกในโรงเรือน เพื่อป้องกันศัตรูพืชและสามารถควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ได้เข้มงวดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
![]()
ประโยชน์ ของ การทำเกษตรอัจฉริยะ
1. สามารถบริหารจัดการข้อมูลภายในฟาร์มผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง
2. มีการเก็บข้อมูลการสรุปการเข้าพื้นที่การทำงานในแต่ละส่วน
3. สามารถวิเคราะห์วางแผน และเก็บข้อมูลเชิงสถิติได้
4. สร้างแผนการทำงานในการดูแลพื้นที่ในแต่ละช่วงเวลา
5. ลดความซ้ำซ้อนและการสูญหายของข้อมูลระหว่างส่วนงาน
6. สามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับได้
Related posts